Taurus of the Sahara

ในสถานที่ที่อาจจะดูว่างป่าวเพราะความกว้างใหญ่ที่กินพื้นที่ไปหลายประเทศ ใครจะไปรู้ว่าเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญมากมายและยังเป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุอีกหลายชนิดอีกด้วย เช่น ก๊าซ น้ำมัน ฟอสเฟส และสิ่งสำคัญมากที่สุดก็คือ แสงจากพระอาทิตย์ ที่จะสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย แต่ด้วยงบประมาณที่ใช้ในการทำพลังงานจากพระอาทิตย์ต้องใช้ทุนสูงจึงยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนักเพราะ ขาดแคลนเงินทุนและเทคโนโลยีที่เหมาะกับนำมาใช้ในทะเลทรายซาฮาร่าแห่งนี้ ถึงแม้ทะเลทรายซาฮาร่าจะดูกว้างและว่างป่าวด้วยพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด คุณรู้หรือไม่ว่าที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และ อารยธรรม  ประวัติศาสตร์ การค้าขาย การต่อสู้ และการดำรงชีวิตการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายตังแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ว่ากันในเรื่องของการค้าขายใครจะไปเชื่อว่าทะเลทรายซาฮาร่าจะมาทำการค้าขายมานานนับพันปีแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการค้าขาย เช่น ทองคำ เกลือ และทาส ซึ่งในการขนส่งจะใช้อูฐเป็นพาหนะในการใช้ขนส่งสินค้า เนื่องจากสัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์ที่ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศได้เป็นอย่างดี ด้วยลักษณะพิเศษของอูฐที่เป็นสัตว์ที่มีฝีเท้าเบาทำให้เดินบนพื้นทรายได้ง่ายและด้วยเปลือกเท้าที่เรียบจึงทำให้ทรายไม่เกาะติดเท้าแถมยังช่วยกันความร้อนจากทรายที่ถูกแดดจัดได้เป็นอย่างดีเสมือนกับการใส่รองเท้าบูทหนาๆ เลยก็ว่าได้

Moroccan Sahara is famous for its high sand dunes.

จากริสซานี ไปถึงเมืองเมอร์ซูกา นักท่องเที่ยวจะได้พบกับแหล่งน้ำที่อยู่กลางทะเลทรายที่มีชื่อเสียงมาก นั้นก็คือ ทะเลทรายโอเอซิสแห่งทะเลทรายของซาฮาร่าเพราะเป็นทะเลทรายที่มีเนินทรายที่สูงมากเป็นเอกลักษณ์หรือที่เขาเรียกกันก็คือ เอร์ก เชบบี้ ทะเลทรายซาฮาร่า เป็นทะเลทรายร้อนที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของโลกก็ว่าได้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความแห้งแล้งอันดับที่สองที่เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ของโลก รองจากทะเลน้ำแข็งแห่งทวีปแอนตาร์ติก ขั่วโลกใต้ ซึ่งคำว่า Sahara (ซาฮาร่า) มีความหมายว่า ทะเลทรายอันยิ่งใหญ่ ที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 9,400,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเปรียบได้เท่ากับพื้นที่ของประเทศ จีน หรือ ประเทศสหัฐอเมริกา ทั้งประเทศ ทะเลทรายซาฮาร่าจะมีสิ่งแวดล้อมที่ไม่ค่อยจะเอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต เช่น มนุษย์ สัตว์ และพืช

Visit the plants and goats

เมืองโมร็อกโกมีการขุดน้ำขึ้นมาใช้โดยการทำระบบชลประทานใต้ดินจนทำให้โมร็อกโกตอนใต้มีน้ำกินน้ำใช้กันอย่างทั่วถึงและกว้างขวาง ทำให้มีพืชพันธุ์ต่างๆ ขึ้นตามรอบแหล่งน้ำ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นต้นปาล์มอินทผาลัม ต้นมะกอก และผักผลไม้บ้างชนิด โดยเฉพาะพืชตระกูลปาล์มอย่าง อินทผาลัม (Date palm) เป็นพืชที่ทนกับสภาพอากาศร้อนได้เป็นอย่างดี บากกับสภาพอากาศแห้งแล้งที่มีแต่ทะเลทรายทำให้พืชชนิดนี้นิยมปลูกกันมาก ว่ากันว่าในประวัติมีชาวอาหรับที่ได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแพร่ตั้งแต่ ศตวรรษที่ 7 และนำ ปาล์มที่มีผลอินทผาลัมเข้ามาใช้ในการเพาะปลูกอีกด้วย จึงทำให้ ต้นปาล์มอินทผาลัมดังกล่าวเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองโมร็อกโกก็ว่าได้ เพราะทางศาสนาต้นปาล์มถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ต่อศาสนาอิสลาม ต้นปาล์มอินทผาลัมจะสามารถให้ผลเก็บเกี่ยวเป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง ซึ่งทานได้ง่ายทั้งแบบดิบและแบบสุข หรือถนอมอาหารโดยการนำผลสุกมาตากแดด(ตากแห้ง) เพื่อเก็บไว้ทานได้นานหลายปี อินทผาลัม ให้รสชาติที่หวานฉ่ำ และยังมีคุณค่าทางอาหารสูง มีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายหลากหลายชนิด  ซึ่งโมร็อกโกมีการส่งออกของผลอินทผาลัม 2