Moroccan Sahara is famous for its high sand dunes.

จากริสซานี ไปถึงเมืองเมอร์ซูกา นักท่องเที่ยวจะได้พบกับแหล่งน้ำที่อยู่กลางทะเลทรายที่มีชื่อเสียงมาก นั้นก็คือ ทะเลทรายโอเอซิสแห่งทะเลทรายของซาฮาร่าเพราะเป็นทะเลทรายที่มีเนินทรายที่สูงมากเป็นเอกลักษณ์หรือที่เขาเรียกกันก็คือ เอร์ก เชบบี้

ทะเลทรายซาฮาร่า เป็นทะเลทรายร้อนที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของโลกก็ว่าได้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความแห้งแล้งอันดับที่สองที่เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ของโลก รองจากทะเลน้ำแข็งแห่งทวีปแอนตาร์ติก ขั่วโลกใต้ ซึ่งคำว่า Sahara (ซาฮาร่า) มีความหมายว่า ทะเลทรายอันยิ่งใหญ่ ที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 9,400,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเปรียบได้เท่ากับพื้นที่ของประเทศ จีน หรือ ประเทศสหัฐอเมริกา ทั้งประเทศ

ทะเลทรายซาฮาร่าจะมีสิ่งแวดล้อมที่ไม่ค่อยจะเอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต เช่น มนุษย์ สัตว์ และพืช เพราะมีสภาพอากาศที่ร้อนและมีฝนตกที่น้อยมาก ทำให้วงจรชีวิตไม่สมบูรณ์สักเท่าไหร่ และไม่เหมาะแก่การเลี้ยงสัตว์หรือเพาะปลูกพืชได้ดีอีกด้วย ถึงแม้จะมีสัตยว์และพืชบางชนิดสามารถเจริญเติบโตในพื้นที่แห่งนี้ได้ก็ต้องมีการปรับตัวอย่างมากและอาจจะไม่สมบูรณ์มากนักก็ตาม ไม่ต่างอะไรไปจากมนุษย์ที่จะต้องหาวิธีเอาตัวรอดในสถานที่แห่งนี้ ถึงทะเลทรายซาฮาร่าจะมีพื้นที่แห้งแล้งในส่วนใหญ่ก็ตาม แต่ก็ยังคงมีแม่น้ำสายเล็กๆ ไหลผ่านหลายสาย และจะมีแม่น้ำสายหลัก 2 สาย นั้นก็คือ แม่น้ำไนล์ และ แม่น้ำไนเจอร์ ที่ยังคงมีน้ำที่มาจากใต้ดิน เป็นน้ำที่มีคุณภาพและอุดมสมบูรณ์มากๆ ซึ่งนำมาใช้ในการอุปโภค บริโภคได้และยังเอามาใช้ในการเพาะปลูกพืชได้เป็นอย่างดี ว่ากันว่าน้ำในส่วนที่มาจากใต้ดินเป็นน้ำที่มากับฝนที่ตกลงมาเมื่อหลายพันปีที่แล้วและได้สะสมรวมตัวกันเป็นแหล่งน้ำเรื่อยมา ซึ่งน้ำที่เกิดจากฝนตกเมื่อพันปีที่แล้วจะเรียกว่าน้ำ โบราณ บ้างก็เรียกน้ำฟอสซิล แหล่งน้ำใต้ดินที่ว่ามานี้คือหัวใจสำคัญที่เป็นแหล่งหล่อเลี้ยงชีวิตที่อยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ได้เป็นอย่างมาก ซึ่งประชากรโลกประมาณ 55 ล้านคนที่ได้อาศัยอยู่ในบริเวณของทะเลทรายแห่งนี้จะมีประชากรประมาณ 43 ล้านคน ที่ได้ใช้น้ำจากแหล่งน้ำใต้ดินดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน